การเว้นระยะทางสังคมมีผลต่อชีวิตเพศของคุณได้อย่างไร

Written by:

PULSE Clinic

PULSE Clinic

Established in Bangkok, PULSE Clinic is a gay-owned private clinic whose mission is to promote and provide excellence in standards of care and education in sexual wellbeing, HIV and related infections, and to actively engage in the formulation of public health policy and research, with the aim of reducing HIV disease burden worldwide.

Share:

Share on facebook
Share on twitter
Share on whatsapp
Share on linkedin
Share on telegram

ADVERTISMENT

มาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การเว้นระยะทางสังคม มีผลต่อชีวิตทางเพศของคุณและการรักษาเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อย่างไร

1. เลิกใช้คำว่า “เว้นระยะทางสังคม” ดีกว่า

คำว่า “เว้นระยะห่างทางสังคม” ทำให้คนรู้สึกหลุดห่างจากสังคมและอาจเกิดซึมเศร้า เราควรป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งทำได้ด้วยการ “เว้นระยะทางกายภาพ” จากผู้อื่น เพื่อจะได้ไม่ถ่ายทอดเชื้อไปยังคนอื่นที่อ่อนแอกว่าและเกิดป่วยได้ หรือถ้าเราไม่มีเชื้อ ก็ควรเว้นระยะห่างทางกายภาพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสเชื้อไวรัส

แต่ถึงห่างทางกายภาพ เรายังสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมได้ โดยการโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือโซเชียลมีเดีย ทำให้เรารักษาสุขภาพที่ดีได้ทั้งทางจิตใจและทางสังคม

2. การเว้นระยะทางกายภาพอาจส่งผลต่อผู้ต้องได้รับการรักษาเชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง

การล็อกดาวน์อาจทำให้บางคนติดอยู่ในประเทศที่ซื้อยามาเติมได้ลำบาก ยาใหม่ล่าสุดบางสูตรอาจจะมีจำหน่ายในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศกำลังพัฒนา เมื่อผู้ป่วยจากประเทศเหล่านี้ติดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาเนื่องจากการห้ามเดินทาง และสูตรยาของตนไม่มีจำหน่ายหรือมีจำกัด หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไม่เป็นมิตรต่อ LGBT หรือผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ อาจทำให้การรักษาขาดตอนลง

ถ้าขาดยาต้านเอชไอวีแค่สองสัปดาห์ ก็อาจทำให้เชื้อเกิดดื้อยาและอาจนำไปสู่การรักษาล้มเหลว ซึ่งหมายความว่า การรักษาที่ใช้ได้ผลมาหลายปีจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป จำเป็นต้องหันไปใช้ยาสูตรอื่น และถ้าไม่มีจำหน่าย ก็อาจทำให้ล้มป่วยด้วยโรคเอดส์อีกครั้ง ดังนั้น โรคเอดส์จึงอาจหวนกลับมาได้จากวิกฤติการณ์โคโรนาไวรัส

3. อาจทำให้การรักษาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ขาดตอน

มีผู้ป่วยโรคซิฟิลิสระยะแฝงจำนวนมากที่ต้องฉีดยาสัปดาห์ละครั้งติดต่อกันสามสัปดาห์ การล็อกดาวน์และห้ามเดินทางทำให้ไม่ได้ฉีดยาจนครบ อีกตัวอย่างคือ การรักษาเชื้อตับอักเสบซี ปัจจุบันเชื้อไวรัสตับอักเสบซีรักษาด้วยการกินยาวันละครั้งเป็น ระยะเวลาสามเดือน ดังนั้น การกินยาขาดตอนอาจทำให้การรักษาได้ผลน้อยลง

4. การเว้นระยะทางกายภาพอาจทำให้คนรู้สึกเหงา

แม้จะมีมาตรการเว้นระยะทางสังคม ก็ยังอาจพยายามหาคู่ผ่านแอพต่างๆ ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการสัมผัสทางร่างกาย เพื่อให้ไม่รู้สึกอ้างว้าง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในช่วงเวลานี้ที่เราขาดการติดต่อทางสังคมทั่วไป และอาจจะพยายามแทนที่ด้วยการนัดมีเซ็กส์ ดังนั้น การรักษาสุขภาพทางร่างกาย จิตใจ และทางสังคมในช่วงวิกฤตนี้จีงเป็นเรื่องสำคัญมาก

5. อาจทำให้คนนัดยิ้มกันมากขึ้น

การเว้นระยะทางกายภาพอาจทำให้หื่น ไม่มีใครอยากอยู่โดดเดี่ยว ยังมีคนอีกมากที่จะหาทางนัดเจอและนัดยิ้มกันแม้แต่ใตช่วงล็อคดาวน์ โควิดไม่แพร่กระจายผ่านทางเซ็กส์ แต่อาจผ่านลมหายใจรดกันเวลามีเซ็กส์

ส่วนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายหนึ่งมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และไม่อยากไปเสี่ยงติดโควิดที่โรงพยาบาล ก็อาจถ่ายทอดเชื้อนั้นไปให้คู่นอนได้ อย่างที่เรารู้กันว่าเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสสามารถถ่ายทอดได้ทางการจูบ เลีย และการใช้ปากกับอวัยวะเพศและทวารหนัก

ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ การตรวจสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้เหมาะที่สุด เพราะหลายคนไม่เคยตรวจมาก่อนเลย แล้วเชื้อแบคทีเรียและไวรัสไม่แคร์ว่าคุณจะอยู่ที่บ้านหรือโรงพยาบาล จะมาจากประเทศอะไร หรือมีเซ็กส์กับผู้ชายหรือผู้หญิงหรือทั้งสองเพศ

ถ้าคุณยัง “เอาอยู่” ก็ควรได้รับการตรวจรักษา

6. ถ้ารู้สึกไม่สบาย ควรนึกถึงคลินิกเฉพาะทาง แทนที่จะไปโรงพยาบาล

การล็อกดาวน์ในบางเมืองทำให้ไปซื้อยาเติมที่โรงพยาบาลลำบาก เ เนื่องจากมีคนไข้โควิดจำนวนมาก บางโรงพยาบาลจึงอาจงดการให้บริการทั่วไป เพื่อดูแลคนไข้โควิด ถ้าคุณคิดว่าคุณมีอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคอื่นที่ไม่เกี่ยวกับโควิด ควรลองนึกถึงคลินิกเฉพาะทาง