มาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การเว้นระยะทางสังคม มีผลต่อชีวิตทางเพศของคุณและการรักษาเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อย่างไร
1. เลิกใช้คำว่า “เว้นระยะทางสังคม” ดีกว่า
คำว่า “เว้นระยะห่างทางสังคม” ทำให้คนรู้สึกหลุดห่างจากสังคมและอาจเกิดซึมเศร้า เราควรป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งทำได้ด้วยการ “เว้นระยะทางกายภาพ” จากผู้อื่น เพื่อจะได้ไม่ถ่ายทอดเชื้อไปยังคนอื่นที่อ่อนแอกว่าและเกิดป่วยได้ หรือถ้าเราไม่มีเชื้อ ก็ควรเว้นระยะห่างทางกายภาพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสเชื้อไวรัส
แต่ถึงห่างทางกายภาพ เรายังสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมได้ โดยการโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือโซเชียลมีเดีย ทำให้เรารักษาสุขภาพที่ดีได้ทั้งทางจิตใจและทางสังคม
2. การเว้นระยะทางกายภาพอาจส่งผลต่อผู้ต้องได้รับการรักษาเชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง
การล็อกดาวน์อาจทำให้บางคนติดอยู่ในประเทศที่ซื้อยามาเติมได้ลำบาก ยาใหม่ล่าสุดบางสูตรอาจจะมีจำหน่ายในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศกำลังพัฒนา เมื่อผู้ป่วยจากประเทศเหล่านี้ติดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาเนื่องจากการห้ามเดินทาง และสูตรยาของตนไม่มีจำหน่ายหรือมีจำกัด หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไม่เป็นมิตรต่อ LGBT หรือผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ อาจทำให้การรักษาขาดตอนลง
ถ้าขาดยาต้านเอชไอวีแค่สองสัปดาห์ ก็อาจทำให้เชื้อเกิดดื้อยาและอาจนำไปสู่การรักษาล้มเหลว ซึ่งหมายความว่า การรักษาที่ใช้ได้ผลมาหลายปีจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป จำเป็นต้องหันไปใช้ยาสูตรอื่น และถ้าไม่มีจำหน่าย ก็อาจทำให้ล้มป่วยด้วยโรคเอดส์อีกครั้ง ดังนั้น โรคเอดส์จึงอาจหวนกลับมาได้จากวิกฤติการณ์โคโรนาไวรัส
3. อาจทำให้การรักษาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ขาดตอน
มีผู้ป่วยโรคซิฟิลิสระยะแฝงจำนวนมากที่ต้องฉีดยาสัปดาห์ละครั้งติดต่อกันสามสัปดาห์ การล็อกดาวน์และห้ามเดินทางทำให้ไม่ได้ฉีดยาจนครบ อีกตัวอย่างคือ การรักษาเชื้อตับอักเสบซี ปัจจุบันเชื้อไวรัสตับอักเสบซีรักษาด้วยการกินยาวันละครั้งเป็น ระยะเวลาสามเดือน ดังนั้น การกินยาขาดตอนอาจทำให้การรักษาได้ผลน้อยลง
4. การเว้นระยะทางกายภาพอาจทำให้คนรู้สึกเหงา
แม้จะมีมาตรการเว้นระยะทางสังคม ก็ยังอาจพยายามหาคู่ผ่านแอพต่างๆ ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการสัมผัสทางร่างกาย เพื่อให้ไม่รู้สึกอ้างว้าง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในช่วงเวลานี้ที่เราขาดการติดต่อทางสังคมทั่วไป และอาจจะพยายามแทนที่ด้วยการนัดมีเซ็กส์ ดังนั้น การรักษาสุขภาพทางร่างกาย จิตใจ และทางสังคมในช่วงวิกฤตนี้จีงเป็นเรื่องสำคัญมาก
5. อาจทำให้คนนัดยิ้มกันมากขึ้น
การเว้นระยะทางกายภาพอาจทำให้หื่น ไม่มีใครอยากอยู่โดดเดี่ยว ยังมีคนอีกมากที่จะหาทางนัดเจอและนัดยิ้มกันแม้แต่ใตช่วงล็อคดาวน์ โควิดไม่แพร่กระจายผ่านทางเซ็กส์ แต่อาจผ่านลมหายใจรดกันเวลามีเซ็กส์
ส่วนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายหนึ่งมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และไม่อยากไปเสี่ยงติดโควิดที่โรงพยาบาล ก็อาจถ่ายทอดเชื้อนั้นไปให้คู่นอนได้ อย่างที่เรารู้กันว่าเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสสามารถถ่ายทอดได้ทางการจูบ เลีย และการใช้ปากกับอวัยวะเพศและทวารหนัก
ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ การตรวจสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้เหมาะที่สุด เพราะหลายคนไม่เคยตรวจมาก่อนเลย แล้วเชื้อแบคทีเรียและไวรัสไม่แคร์ว่าคุณจะอยู่ที่บ้านหรือโรงพยาบาล จะมาจากประเทศอะไร หรือมีเซ็กส์กับผู้ชายหรือผู้หญิงหรือทั้งสองเพศ
ถ้าคุณยัง “เอาอยู่” ก็ควรได้รับการตรวจรักษา
6. ถ้ารู้สึกไม่สบาย ควรนึกถึงคลินิกเฉพาะทาง แทนที่จะไปโรงพยาบาล
การล็อกดาวน์ในบางเมืองทำให้ไปซื้อยาเติมที่โรงพยาบาลลำบาก เ เนื่องจากมีคนไข้โควิดจำนวนมาก บางโรงพยาบาลจึงอาจงดการให้บริการทั่วไป เพื่อดูแลคนไข้โควิด ถ้าคุณคิดว่าคุณมีอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคอื่นที่ไม่เกี่ยวกับโควิด ควรลองนึกถึงคลินิกเฉพาะทาง