หลายคนไม่รู้ว่าเชื้อเอชไอวีสามารถกลายพันธุ์จนดื้อยาได้ แล้วเรื่องนี้มีผลอย่างไรถ้าคุณกำลังใช้ ยา PrEP อยู่หรือไม่ได้ใช้ ? เราลองมาดูกัน
Q: PrEP คืออะไร ?
A: PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis นั่นคือการใช้ยาต้านเอชไอวีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ยังไม่มีเชื้อติดเชื้อเอชไอวี
Q: เอชไอวีแบบสายพันธุ์ธรรมชาติคืออะไร ?
A: คือเชื้อเอชไอวีมีที่อยู่ตามธรรมชาติ ไม่ใช่เชื้อไวรัสกลายพันธุ์
Q: เชื้อเอชไอวีดื้อยาคืออะไร ?
A: คือเชื้อเอชไอวีที่กลายพันธุ์และเพิ่มจำนวนในสภาวะที่มียาต้านไวรัสที่ปกติจะฆ่ามันได้ (ทั้งยารักษาหรือ PrEP)
Q: เชื้อเอชไอวีดื้อยาเกิดขึ้นอย่างไร?
A:
– การถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีดื้อยา.ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติ แต่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา d with drug-resistant HIV. เนื่องจากปัจจุบันผู้มีเชื้อเอชไอมีจำนวนมากใช้ยาต้านเอชไอวีในการรักษา ถ้าเชื้อเอชไอวีในร่างกายของใครคนหนึ่งสามารถดื้อยาตัวหนึ่งหรือหลายตัวขึ้นมาได้ แล้วคนๆ นั้นไปมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกันหรือใช้เข็มร่วมกับคนอื่นที่ยังไม่มีเชื้อ ก็เป็นไปได้ที่คน หลังจะติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา
– ก่อนเริ่มรักษาเอชไอวี แม้แต่คนที่ติดเชื้อด้วยเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติ ก็ยังสามารถพบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเชื้อได้ก่อนเริ่มรักษา ซึ่งทำให้เกิดเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ผสมกันในร่างกาย บางสายพันธุ์อาจมีการกลายพันธุ์ที่ทำให้ดื้อต่อยาต้านไวรัสได้บางส่วนหรือทั้งหมด
– ในระหว่างการรักษา หลังเริ่มรักษาด้วยยาต้านเอชไอวีสูตรผสมแล้ว จำนวนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติจะลดลงอย่างรวดเร็วจน ตรวจไม่พบเชื้อ หากสามารถกดเชื้อเอชไอวีได้ ก็จะไม่เกิดการกลายพันธุ์จนดื้อยา แต่ถ้าปริมาณของไวรัสไม่ได้ถูกกดลงจนอยู่ในระดับต่ำมาก ก็จะมีสายพันธุ์เอชไอวีที่ยัง เพิ่มจำนวนและกลายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไวรัสได้สะสมการกลายพันธุ์เหล่านี้จนเพียงพอแล้ว ก็อาจดื้อต่อยาที่ใช้ได้มากจนปริมาณไวรัสในเลือดสูงขึ้นและระดับ CD4 ต่ำลง
– การรักษาเอชไอวีขาดตอนและขาดวินัยในการกินยา การรักษาเอชไอวีจะได้ผลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อกินยาตามที่แพทย์สั่งโดยไม่ขาดตกบกพร่อง การหยุดชะงัก (เช่น กินยาบ้างไม่กินบ้าง กินไม่ถูกวิธี หรือไม่ไปเติมยาเพราะการระบาดของโควิด-19 หรือเพราะไฮ หรือเพราะลืมนัดหมอ หรือติดอยู่ในประเทศที่ไม่มียารักษาเอชไอวี) ก็อาจทำให้ปริมาณยาเอชไอวีในกระแสเลือดต่ำลง
ถ้าระดับของยาในกระแสเลือดลดลงมากเกินไป เชื้อเอชไอวีก็จะสามารถขยายพันธุ์ได้ อย่างอิสระ และสะสมการกลายพันธุ์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายเหตุผลที่ทำไมบางคนจึงมีขาดวินัยในการกินยา เช่น ผลข้างเคียงของยา ไฮ โควิด-19 ยุ่ง ขี้หลงขี้ลืม หรือจัดตารางเวลาไม่เป็น ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องวินัยการกินยา ก็ไม่มีอะไรน่าอาย คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีช่วยเหลือ
– ในระหว่างที่ใช้ PrEP. ในสหรัฐอเมริกา Truvada ได้รับการอนุมัติจาก อ.ย. สำหรับป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่เดือนกรกฎา 2555 . แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการใช้ PrEP ในคนที่เพิ่งติดเชื้อเอชไอวีแต่วิธีการตรวจเอชไอวีที่เราใช้ในปัจจุบันไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
Q: ทำไมจึงควรกังวลเรื่อง PrEP กับการดื้อยา ?
A: เป็นที่รู้กันดีว่า PrEP จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ผลดีมาก ถ้ากินอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มีการศึกษาพิสูจน์แล้วว่า PrEP นั้นได้ผลหากมีการตรวจเลือดดูสถานะเอชไอวี แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ต้องการตรวจเลือดก่อนเริ่มใช้ PrEP ผู้ที่ไม่ได้ตรวจเลือดไม่ได้หมายความว่าไม่มีเชื้อเอชไอวี อาจแค่ไม่รู้ว่ามีเท่านั้น
คนกลุ่มนี้อาจจะเริ่มใช้ PrEP ก่อนที่จะรู้ตัวเองว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกาย หรืออาจจะติดเชื้อเอชไอวีในระหว่างที่ใช้ PrEP ซึ่งถ้าเกิดขึ้น เชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวสามารถเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์จนดื้อต่อยาต้านไวรัสที่ใช้ คนที่มีเชื้อเอชไอวีในร่างกายโดยปกติ ต้องใช้ยาต้านไวรัสสามขนานพร้อมกันเพื่อขัดขวางไม่ให้เชื้อไวรัสขยายพันธุ์ได้ เมื่อเกิดการดื้อยาขึ้น ยาต้านไวรัสบางตัวจะไม่สามารถหยุดยั้งเอชไอวีไม่ให้เพิ่มจำนวนได้ และคนๆ นั้น จะต้องเปลี่ยนไปใช้ยาต้านไวรัสสูตรใหม่ ซึ่งแพงกว่าเป็นสิบเท่า สุดท้ายแล้วนั่นอาจหมายความว่า เค้าจะมีตัวเลือกยาต้านไวรัสที่สามารถจะใช้ได้น้อยลงหากติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา
Q: ทำไมบางคนจึงไม่ตรวจเลือดก่อนเริ่มใช้ PrEP P?
A: อาจมีหลายสาเหตุ เช่น ไม่รู้ ขี้เกียจ หรือกังวลว่าคนจะรู้ และกลัวถูกเลือกปฏิบัติ คนที่ซื้อยา PrEP จากร้านขายยาออนไลน์หรือร้านขายยาหน้าปากซอย เพราะง่ายกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า อาจทำให้ตัวเองและคู่นอนตกอยู่ในความเสี่ยงได้
Q: ไม่อยากไปหาหมอบ่อยๆ ซื้อ PrEP จากร้านขายยาโดยไม่ต้องตรวจเลือดได้ไหม ?
A: ถ้าคุณไม่ตรวจเลือดแล้วไปซื้อยา PrEP กินเอง หลังจากนั้นถ้าคุณพบว่าคุณมีเชื้อเอชไอวีดื้อยา คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปหาหมอบ่อยๆ ได้อยู่ดี และก็จะต้องไปหาหมอบ่อยๆ อย่างนั้นตลอดชีวิต ถ้าไม่ต้องการให้การติดเชื้อเอชไอวีกลายเป็นโรคเอดส์เต็มตัว
Q: การดื้อยาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้หรือไม่ ถ้ามีการใช้ PrEP กันทั่วไป?
A: เป็นไปได้ เรารู้ว่าในการศึกษาทางคลินิก ความเสี่ยงของเชื้อดื้อยานั้นต่ำ ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกสั่งให้กินยา PrEP ทุกวัน แต่ในโลกความเป็นจริงอาจไม่เหมือนกัน เพราะ:
– ในการศึกษาทางคลินิก ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการตรวจเลือดหาเอชไอวีฟรีเดือนละครั้ง ซึ่งทำให้สามารถหยุดการใช้ PrEP ได้ทันทีเมื่อพบการติดเชื้อ แต่ในโลกความเป็นจริง การตรวจเลือดนั้นทำทุกสามเดือน หรือระยะต่างออกไป หรือไม่ตรวจเลย
– เราไม่รู้ว่าผู้ใช้ PrEP แต่ละคนกินยาอย่างมีวินัยแค่ไหน หากไม่กินยา PrEP อย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีก็จะเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดเชื้อดื้อยามากขึ้นด้วย
– HIVมีความเป็นไปได้ที่คนที่เริ่มเพิ่งเริ่มใช้ PrEP นั้นเพิ่งติดเชื้อเอชไอวีมา แต่การตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีที่เราใช้ในปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อที่เพิ่งติดได้ จึงเป็นไปได้ที่อาจจะวินิจฉัยผิดพลาดแม้แต่ในการศึกษาที่มีการควบคุมเป็นอย่างดี
Q: แล้วควรทำอย่างไรดี ?
A: ถ้าคุณกำลังกินยา PrEP อยู่ อย่าเสี่ยง อย่ามีเซ็กส์กับคนที่ใช้ PrEP โดยไม่ตรวจเลือด ถ้าใครบอกคุณว่ากำลังใช้ PrEP อยู่ ลองถามว่าตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เค้าควรจะมีผลการตรวจเลือดในอีเมลหรือเป็นรูปถ่าย แต่ก็ยังมีคนบางพวกที่ปลอมผลตรวจเลือดเพียงเพื่อที่จะมีเซ็กส์แบบไม่ ป้องกัน เชื่อเถอะว่าความเสียแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่คุ้มเสี่ยงเลย