เชื้อเอชไอวีดื้อยาคืออะไร ?

Written by:

PULSE Clinic

PULSE Clinic

Established in Bangkok, PULSE Clinic is a gay-owned private clinic whose mission is to promote and provide excellence in standards of care and education in sexual wellbeing, HIV and related infections, and to actively engage in the formulation of public health policy and research, with the aim of reducing HIV disease burden worldwide.

Share:

Share on facebook
Share on twitter
Share on whatsapp
Share on linkedin
Share on telegram

ADVERTISMENT

หลายคนไม่รู้ว่าเชื้อเอชไอวีสามารถกลายพันธุ์จนดื้อยาได้ แล้วเรื่องนี้มีผลอย่างไรถ้าคุณกำลังใช้ ยา PrEP อยู่หรือไม่ได้ใช้ ? เราลองมาดูกัน

Q: PrEP คืออะไร ?

A: PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis นั่นคือการใช้ยาต้านเอชไอวีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ยังไม่มีเชื้อติดเชื้อเอชไอวี

Q: เอชไอวีแบบสายพันธุ์ธรรมชาติคืออะไร ?

A: คือเชื้อเอชไอวีมีที่อยู่ตามธรรมชาติ ไม่ใช่เชื้อไวรัสกลายพันธุ์

Q: เชื้อเอชไอวีดื้อยาคืออะไร ?

A: คือเชื้อเอชไอวีที่กลายพันธุ์และเพิ่มจำนวนในสภาวะที่มียาต้านไวรัสที่ปกติจะฆ่ามันได้ (ทั้งยารักษาหรือ PrEP)

Q: เชื้อเอชไอวีดื้อยาเกิดขึ้นอย่างไร?

A:

การถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีดื้อยา.ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติ แต่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา d with drug-resistant HIV. เนื่องจากปัจจุบันผู้มีเชื้อเอชไอมีจำนวนมากใช้ยาต้านเอชไอวีในการรักษา ถ้าเชื้อเอชไอวีในร่างกายของใครคนหนึ่งสามารถดื้อยาตัวหนึ่งหรือหลายตัวขึ้นมาได้ แล้วคนๆ นั้นไปมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกันหรือใช้เข็มร่วมกับคนอื่นที่ยังไม่มีเชื้อ ก็เป็นไปได้ที่คน หลังจะติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา

ก่อนเริ่มรักษาเอชไอวี แม้แต่คนที่ติดเชื้อด้วยเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติ ก็ยังสามารถพบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเชื้อได้ก่อนเริ่มรักษา ซึ่งทำให้เกิดเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ผสมกันในร่างกาย บางสายพันธุ์อาจมีการกลายพันธุ์ที่ทำให้ดื้อต่อยาต้านไวรัสได้บางส่วนหรือทั้งหมด

– ในระหว่างการรักษา หลังเริ่มรักษาด้วยยาต้านเอชไอวีสูตรผสมแล้ว จำนวนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ธรรมชาติจะลดลงอย่างรวดเร็วจน ตรวจไม่พบเชื้อ หากสามารถกดเชื้อเอชไอวีได้ ก็จะไม่เกิดการกลายพันธุ์จนดื้อยา แต่ถ้าปริมาณของไวรัสไม่ได้ถูกกดลงจนอยู่ในระดับต่ำมาก ก็จะมีสายพันธุ์เอชไอวีที่ยัง เพิ่มจำนวนและกลายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไวรัสได้สะสมการกลายพันธุ์เหล่านี้จนเพียงพอแล้ว ก็อาจดื้อต่อยาที่ใช้ได้มากจนปริมาณไวรัสในเลือดสูงขึ้นและระดับ CD4 ต่ำลง

– การรักษาเอชไอวีขาดตอนและขาดวินัยในการกินยา การรักษาเอชไอวีจะได้ผลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อกินยาตามที่แพทย์สั่งโดยไม่ขาดตกบกพร่อง การหยุดชะงัก (เช่น กินยาบ้างไม่กินบ้าง กินไม่ถูกวิธี หรือไม่ไปเติมยาเพราะการระบาดของโควิด-19 หรือเพราะไฮ หรือเพราะลืมนัดหมอ หรือติดอยู่ในประเทศที่ไม่มียารักษาเอชไอวี) ก็อาจทำให้ปริมาณยาเอชไอวีในกระแสเลือดต่ำลง

ถ้าระดับของยาในกระแสเลือดลดลงมากเกินไป เชื้อเอชไอวีก็จะสามารถขยายพันธุ์ได้ อย่างอิสระ และสะสมการกลายพันธุ์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายเหตุผลที่ทำไมบางคนจึงมีขาดวินัยในการกินยา เช่น ผลข้างเคียงของยา ไฮ โควิด-19 ยุ่ง ขี้หลงขี้ลืม หรือจัดตารางเวลาไม่เป็น ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องวินัยการกินยา ก็ไม่มีอะไรน่าอาย คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีช่วยเหลือ

ในระหว่างที่ใช้ PrEP. ในสหรัฐอเมริกา Truvada ได้รับการอนุมัติจาก อ.ย. สำหรับป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่เดือนกรกฎา 2555 . แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการใช้ PrEP ในคนที่เพิ่งติดเชื้อเอชไอวีแต่วิธีการตรวจเอชไอวีที่เราใช้ในปัจจุบันไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อที่เพิ่งเกิดขึ้นได้

Q: ทำไมจึงควรกังวลเรื่อง PrEP กับการดื้อยา ?

A: เป็นที่รู้กันดีว่า PrEP จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ผลดีมาก ถ้ากินอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มีการศึกษาพิสูจน์แล้วว่า PrEP นั้นได้ผลหากมีการตรวจเลือดดูสถานะเอชไอวี แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ต้องการตรวจเลือดก่อนเริ่มใช้ PrEP ผู้ที่ไม่ได้ตรวจเลือดไม่ได้หมายความว่าไม่มีเชื้อเอชไอวี อาจแค่ไม่รู้ว่ามีเท่านั้น

คนกลุ่มนี้อาจจะเริ่มใช้ PrEP ก่อนที่จะรู้ตัวเองว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกาย หรืออาจจะติดเชื้อเอชไอวีในระหว่างที่ใช้ PrEP ซึ่งถ้าเกิดขึ้น เชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวสามารถเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์จนดื้อต่อยาต้านไวรัสที่ใช้ คนที่มีเชื้อเอชไอวีในร่างกายโดยปกติ ต้องใช้ยาต้านไวรัสสามขนานพร้อมกันเพื่อขัดขวางไม่ให้เชื้อไวรัสขยายพันธุ์ได้ เมื่อเกิดการดื้อยาขึ้น ยาต้านไวรัสบางตัวจะไม่สามารถหยุดยั้งเอชไอวีไม่ให้เพิ่มจำนวนได้ และคนๆ นั้น จะต้องเปลี่ยนไปใช้ยาต้านไวรัสสูตรใหม่ ซึ่งแพงกว่าเป็นสิบเท่า สุดท้ายแล้วนั่นอาจหมายความว่า เค้าจะมีตัวเลือกยาต้านไวรัสที่สามารถจะใช้ได้น้อยลงหากติดเชื้อเอชไอวีดื้อยา

Q: ทำไมบางคนจึงไม่ตรวจเลือดก่อนเริ่มใช้ PrEP P?

A: อาจมีหลายสาเหตุ เช่น ไม่รู้ ขี้เกียจ หรือกังวลว่าคนจะรู้ และกลัวถูกเลือกปฏิบัติ คนที่ซื้อยา PrEP จากร้านขายยาออนไลน์หรือร้านขายยาหน้าปากซอย เพราะง่ายกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า อาจทำให้ตัวเองและคู่นอนตกอยู่ในความเสี่ยงได้

Q: ไม่อยากไปหาหมอบ่อยๆ ซื้อ PrEP จากร้านขายยาโดยไม่ต้องตรวจเลือดได้ไหม ?

A: ถ้าคุณไม่ตรวจเลือดแล้วไปซื้อยา PrEP กินเอง หลังจากนั้นถ้าคุณพบว่าคุณมีเชื้อเอชไอวีดื้อยา คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปหาหมอบ่อยๆ ได้อยู่ดี และก็จะต้องไปหาหมอบ่อยๆ อย่างนั้นตลอดชีวิต ถ้าไม่ต้องการให้การติดเชื้อเอชไอวีกลายเป็นโรคเอดส์เต็มตัว

Q: การดื้อยาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้หรือไม่ ถ้ามีการใช้ PrEP กันทั่วไป?

A: เป็นไปได้ เรารู้ว่าในการศึกษาทางคลินิก ความเสี่ยงของเชื้อดื้อยานั้นต่ำ ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกสั่งให้กินยา PrEP ทุกวัน แต่ในโลกความเป็นจริงอาจไม่เหมือนกัน เพราะ:
– ในการศึกษาทางคลินิก ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการตรวจเลือดหาเอชไอวีฟรีเดือนละครั้ง ซึ่งทำให้สามารถหยุดการใช้ PrEP ได้ทันทีเมื่อพบการติดเชื้อ แต่ในโลกความเป็นจริง การตรวจเลือดนั้นทำทุกสามเดือน หรือระยะต่างออกไป หรือไม่ตรวจเลย
– เราไม่รู้ว่าผู้ใช้ PrEP แต่ละคนกินยาอย่างมีวินัยแค่ไหน หากไม่กินยา PrEP อย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีก็จะเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดเชื้อดื้อยามากขึ้นด้วย
HIVมีความเป็นไปได้ที่คนที่เริ่มเพิ่งเริ่มใช้ PrEP นั้นเพิ่งติดเชื้อเอชไอวีมา แต่การตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีที่เราใช้ในปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อที่เพิ่งติดได้ จึงเป็นไปได้ที่อาจจะวินิจฉัยผิดพลาดแม้แต่ในการศึกษาที่มีการควบคุมเป็นอย่างดี

Q: แล้วควรทำอย่างไรดี ?

A: ถ้าคุณกำลังกินยา PrEP อยู่ อย่าเสี่ยง อย่ามีเซ็กส์กับคนที่ใช้ PrEP โดยไม่ตรวจเลือด ถ้าใครบอกคุณว่ากำลังใช้ PrEP อยู่ ลองถามว่าตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เค้าควรจะมีผลการตรวจเลือดในอีเมลหรือเป็นรูปถ่าย แต่ก็ยังมีคนบางพวกที่ปลอมผลตรวจเลือดเพียงเพื่อที่จะมีเซ็กส์แบบไม่ ป้องกัน เชื่อเถอะว่าความเสียแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่คุ้มเสี่ยงเลย