พร้อมมีแฟนแล้วหรือยังนะเรา

Written by:

Winston Lam

Winston Lam

Winston is a psychologist who is passionate about the underlying mechanisms that influence social interactions, human behaviour, and self improvement.

Share:

Share on facebook
Share on twitter
Share on whatsapp
Share on linkedin
Share on telegram

ADVERTISMENT

เวลาที่คุณคิดถึงประโยคนี้ มีหน้าใครลอยมาหรือเปล่า คุณเดทกับเค้ามานานแล้วใช่มั้ย ถ้าใช่ เรื่องนี้อาจจะเหมาะกับคุณ คนที่กำลังเดทอยู่จำนวนมากมักหวังว่าจะนำไปสู่ความเป็นแฟน บทความนี้จึงเขียนขึ้นเพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพเจนชัดขึ้น ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคู่เดทนั้นเหมาะสมและพร้อมหรือยังที่จะขยับไปสู่ขั้นต่อไปหรือยัง

ต่างกันยังไง

แต่ละคนอาจจะนิยามคำว่า “คู่เดท” กับ “แฟน” แตกต่างกันไป ในขณะที่บางคนอาจคิดว่าสองอย่างนี้เหมือนกัน แต่บางคนกลับคิดว่าเป็นสองขั้นตอนที่แยกกันชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันที่สังคมเปิดกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบเปิด ข้อแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้จึงไม่ใช่เรื่องว่าแฟนคือคนที่คุณมีเซ็กซ์ด้วยแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป ดังนั้น คุณควรคุยกับคู่เดทหรืออนาคตแฟนของคุณให้ชัดเจน เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่าเค้านิยามสองคำนี้ยังไง โดยทั่วไป แล้วการเป็นแฟนต่างกับการเดทกันในเรื่องระดับของการเอาจริง ถ้าเป็นแฟนกัน คุณก็จะใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น และเริ่มสร้างชีวิตโดยคิดถึงเค้าด้วย

ผู้เขียนอยากจะเน้นว่า ความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตาม ต้องมาจากทั้งสองฝ่าย ถ้าคุณคิดว่า คุณเป็นแฟนเค้า แต่เค้าไม่ได้คิดเหมือนกัน ก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นแฟนกัน

บางคน อาจคิดว่าแค่นี้เป็นสามัญสำนึกไม่ต้องพูดก็ได้ แต่โชคร้ายที่จากประสบการณ์ของผม มีเกย์เยอะแยะที่ทำเหมือนกับเป็นแฟนกันแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งเดทกัน

ผมเดาว่า อาจเพราะการที่คนในเอเชียส่วนใหญ่ยังแอบกันอยู่ ทำให้บางคนกลัวว่าชาตินี้จะไม่เจอคู่ และพร้อมกระโดดเข้าใส่ใครก็ตามที่ดูน่าจะเป็นแฟนได้อย่างรวดเร็วและดุเดือด การกระโดดเข้าใส่แบบสิ้นคิดนี้ทำให้เกิดความคาดหวังที่ไม่สมดุลและการเรียกร้องทางอารมณ์ที่นำไปสู่ผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยากให้เกิด นั่นคือการเดทนั้นไม่พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ระยะยาวที่มีความหมายและกลับต้องล้มเหลวไป

เมื่อไหร่ควรขยับไปสู่สถานะแฟน

มีสามอย่างที่ควรคำนึงถึงเวลาคิดจะขยับจากคู่เดทไปเป็นแฟน คือ ความสัมพันธ์ ตัวคุณ และตัวเค้า ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของเวลาที่ทั้งสามอย่างนี้ยังไม่มาบรรจบพร้อมกัน

ทีนี้ผมจะกล่าวถึงสิ่งที่คุณควรพิจารณาเพื่อประเมินแง่มุมทั้งสามนี้

ในแง่ความสัมพันธ์ ลองถามตัวคุณดูว่าคุณกับเค้าใกล้ชิดกันขนาดไหน

ก่อนที่จะขยับไปเป็นแฟนกัน ทั้งสองคน ต้องรู้สึกสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน คู่แฟนที่ดีที่สุดเวลาอยู่ด้วยกันมักรู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อนซี้ และทั้งคู่ควรมีส่วนร่วมในชีวิตของอีกคนมากพอ

คุณกับเค้ารู้จักเพื่อนและครอบครัวซึ่งกันและกันหรือเปล่า รู้มั้ยว่าชีวิตแต่ละวันเค้าทำอะไรบ้าง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชีวิตของกันและกันเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยยืนยันความรู้สึก แต่ยังช่วยให้การประสานรวมชีวิตเข้าด้วยกันราบรื่นมากขึ้น

สำหรับแง่มุมตัวคุณเอง คุณพร้อมจะมีแฟนแล้วหรือยัง

เกย์จำนวนมาก โดยเฉพาะในเอเชีย มักด่วนมีแฟนเพียงเพราะอยากมี เพราะรู้สึกไม่มั่นคง และกลัวความเหงา เลยรีบฉกฉวยตัวเลือกแรกที่พอไปได้ในวินาทีที่เจอ แต่การทำอย่างนี้เหมือนหาเรื่องอกหักโดยใช่ที่ การมีชีวิตคู่ที่ดี คุณจำเป็นต้องมีความสุขที่จะเป็นตัวของตัวเองเสียก่อน เหมือนอย่างที่คุณแม่ RuPaul สอนไว้ว่า ถ้าตัวเองยังรักไม่ลง แล้วจะไปรักคนอื่นได้ยังไงคะ

ดังนั้นแทนที่จะไปเสาะหาเจ้าชายรูปงาม จงเริ่มทำตัวเองให้เป็นชายคนที่เจ้าชายรูปงามจะอยากเป็นแฟนด้วย นอกจากนี้ คุณยังต้องอยู่ในตำแหน่งของชีวิตที่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ นั่นคือ ต้องมีอิสระ เวลา และความพยายามเพื่อทำให้มันเป็นจริง

สุดท้าย คุณต้องรู้ว่าเค้าพร้อมจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วหรือยัง วิธีที่ดีที่สุด คือการคุยกันเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่พูดไปก่อนหน้านี้ แล้วดูซิว่าค้ารู้สึกยังไง หัวใจอยู่ที่การสื่อสารเปิดอกต่อกัน

ถ้าอ่านจบแล้วคุณรู้สึกว่ายังไม่พร้อม ก็ไม่ต้องรู้สึกเฟลกับตัวเอง

จงรู้สึกภูมิใจว่าคุณรู้จักตัวเองดีพอที่จะตัดสินใจได้แบบนั้นได้ บางทีคุณอาจต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่มขึ้นอีกนิด หรือบางทีเค้าอาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ ดังนั้นคุณต้องหาคำตอบเองว่าเป็นอย่างไหนแล้วค่อยไปต่อ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีช่วยให้คุณมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้ชัวร์ๆ 100%

เพราะแม้แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นสวยๆ ก็ยังอาจล่มได้ แต่นั่นก็โอเค เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตและเรียนรู้ ดังนั้นขอให้คุณสนุกกับชีวิตการเดท บางทีเมื่อคุณพร้อมเมื่อไหร่ คนที่ใช่ของคุณอาจโผล่มาโดยคุณไม่รู้ตัวก็ได้