แนวทางป้องกันเอชไอวีจากแพทย์

Written by:

Dr Deyn

Dr Deyn

Dr Natthakhet (Deyn) Yaemim, M.D., is the director and co-founder PULSE, a pan-Asian sexual health network of medical clinics and services. He earned his medical degree in Thailand and did advanced studies in Japan and Thailand. He is also affiliated as a researcher with Maastricht University, Netherlands.

Share:

Share on facebook
Share on twitter
Share on whatsapp
Share on linkedin
Share on telegram

ADVERTISMENT

มีวิธีมากมายในการป้องกันเอชไอวี โดยทั่วไปคำว่า “เซ็กส์แบบปลอดภัย” หรือ “เซ็กซ์ที่ป้องกัน” หมายถึงการมีเซ็กซ์แบบใช้ถุงยางอนามัย แต่การไม่ใช้ถุงยางก็สามารถ “ปลอดภัย” ได้เช่นกัน

หมายความว่ายังไง?

ศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ได้ขยายคำนิยามของคำว่า “เซ็กส์ที่มีการป้องกัน” ให้กว้างไปกว่าการใช้ถุงยางอนามัย เช่น ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีและกำลังรักษาจนตรวจไม่พบเชื้อไวรัส ก็ถือว่าเป็นการป้องกันรูปแบบหนึ่ง (การรักษาเพื่อป้องกัน หรือ Treatment as prevention) เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีและกินยาต้านไวรัสเป็น PrEP

CDC ยังได้อัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ PrEP โดยมีข้อความว่า “การศึกษาแสดงว่า PrEP ลดความเสี่ยงของการได้รับเอชไอวีจากเพศสัมพันธ์ได้ 99% เมื่อกินเป็นประจำทุกวัน” อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CDC.

1. การใช้ถุงยางและสารหล่อลื่นอย่างถูกต้องเป็นประจำ

ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกันเอชไอวี เพราะยับยั้งไม่ให้ของเหลวผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง วิธีใช้ถุงยางที่ดีที่สุด คือ ใช้กับสารหล่อลื่นที่มีน้ำหรือซิลิโคน เพราะไม่ทำให้โครงสร้างของถุงยางเสียไปและไม่กินเข้าไปในเนื้อของถุงยางเหมือนกับสารหล่อลื่นที่มาจากน้ำมัน

2. การใช้ PrEP อย่างถูกต้อง

Pre-Exposure Prophylaxis (PrEP) คือการใช้ยาต้านเอชไอวีเป็นประจำโดยผู้ไม่มีเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

ซึ่งเป็นวิธีป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว หมายความว่าคุณต้องตรวจเลือดก่อนเริ่มใช้

ไม่ใช่ว่าแค่คิดว่าคุณไม่มีเชื้อเอชไอวีแล้วเริ่มใช้ทันที แต่คุณต้องตรวจเลือดก่อน!

ยานี้ (ยี่ห้อ Truvada และอีกหลายชื่อที่ราคาถูกกว่า) มีตัวยาสองชนิดคือ tenofovir และ emtricitabine

PrEP นั้นได้ผลดีมากในการป้องกันเอชไอวี การศึกษาแสดงให้เห็นว่า PrEP ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีจากเซ็กซ์ได้ประมาณ 99% เมื่อกินเป็นประจำทุกวัน

สำหรับผู้ฉีดสารเสพติด PrEP ลดความเสี่ยงของการได้รับเชื้อเอชไอวีอย่างน้อย 74% เมื่อกินเป็นประจำทุกวัน

แต่ PrEP ได้ผลลดลงมากถ้าไม่ได้กินอย่างสม่ำเสมอ

คนที่จะใช้ PrEP ต้องพร้อมกินยาทุกวัน และไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดทุกสามเดือน

ถ้ากินตามที่แพทย์สั่ง PrEP นั้นมีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และช่วยให้สามารถควบคุมสถานะเอชไอวีของตนเองได้

PrEP hมีผลอย่างมากในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในซานฟรานซิสโก ลอนดอน ออสเตรเลีย และไทย

PrEP จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่สำคัญในกลุ่มวิธีการป้องกันเอชไอวี และช่วยให้โลกเข้าใกล้เป้าหมายในการยุติการถ่ายทอดของเชื้อเอชไอวี ควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อป้องกัน

3. PEP (Post-exposure prophylaxis) ฉุกเฉิน

PEP ฉุกเฉินเป้นการกินยาต้านเอชไอวีติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งได้ผลในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ถ้าเริ่มกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ

สิ่งสำคัญสำหรับ PEP คือการเริ่มกินให้เร็วที่สุดหลังจากที่คุณคิดว่าอาจได้รับเชื้อเอชไอวี PEP มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าเริ่มกินภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ และอาจไม่ได้ผลเลยถ้าไม่ได้กินภายใน 72 ชั่วโมง (สามวัน) หลังสงสัยว่าได้รับเชื้อเอชไอวี

หากคุณคิดว่าคุณได้รับเชื้อเอชไอวีหรือทำให้คนอื่นได้รับเชื้อ ควรติดต่อคลินิกเพื่อเริ่ม PEP ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PEP ฉุกเฉิน

4. การรักษาเพื่อป้องกัน หรือ Treatment as Prevention (TasP) คือการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีไปสู่คู่นอน

การรักษาเอชไอวีในปัจจุบันทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเป็นปกติและลดความเสี่ยงของการลุกลามของโรคจากเอชไอวี การรักษาเหล่านี้กดระดับของเชื้อไวรัสในเลือดและของเหลวอื่นในร่างกายของผู้มีเชื้อจนอยู่ในระดับ “ตรวจไม่พบ”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการศึกษาต่างๆ (HPTN052, PARTNER,และการศึกษาในออสเตรเลีย Opposites Attract) ที่ยืนยันว่า TasP มีประสิทธิภาพในการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี

ในการศึกษาเหล่านี้ พบว่าไม่มีการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีเลยแม้แต่รายเดียวในกลุ่มคู่ชายหญิงและคู่เกย์ที่คนใดคนหนึ่งไม่มีเชื้อเอชไอวีแต่อีกคนไม่มี หากผู้ที่มีเชื้อนั้น “ตรวจไม่พบเชื้อ” ซึ่งหมายความว่าความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากคนที่กำลังรักษาและ “ตรวจไม่พบเชื้อ” แล้วเป็นศูนย์

ดังนั้น จึงสำคัญมากที่การรักษาเอชไอวีนั้นต้องเข้าถึงได้และมีราคาย่อมเยาพอสำหรับทุกคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี และให้คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเอชไอวีสามารถเข้าถึงได้ทันที

5. เซ็กซ์แบบความเสี่ยงต่ำ/ไม่มีความเสี่ยง

มีเซ็กซ์มากมายหลายรูปแบบที่คุณและคู่สามารถสนุกได้โดยมีความเสี่ยงของการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีต่ำหรือไม่มีเลย ตัวอย่างเช่น:

กิจกรรมทางเพศที่ไม่มีความเสี่ยงของการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีเลย

นวด: การนวดและถูตัวเข้าด้วยกันไม่มี ความเสี่ยงของการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี

การเบิร์นหรือล้างตู้เย็น: คุณไม่สามารถได้รับหรือถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีได้ด้วยวิธีนี้การเลียหรือใช้ลิ้นกับรูก้น แต่สามารถถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอและเชื้อทางเดินอาหารอื่นๆ เช่น ชิเกลล่า ได้อย่างง่ายดาย

จูบ: น้ำลายไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีได้ หมายความว่าการจูบนั้นปลอดภัย 100%

กีฬาทางน้ำ : หมายถึงกิจกรรมทางเพศที่เกี่ยวข้องกับปัสสาวะ ในฉี่ไม่มีเชื้อเอชไอวี ดังนั้นกีฬาทางน้ำจึงไม่มีความเสี่ยงต่อการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี

กิจกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีต่ำ

ออรัลเซ็กส์: การใช้ปากกับอวัยวะเพศมีความเสี่ยงต่อการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีน้อยมาก

การใช้นิ้ว: การใช้นิ้วกับก้นหรือช่องคลอดเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีต่ำ แต่ควรตัดเล็บและล้างมือให้สะอาดก่อนทำกิจกรรมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผนังทวารหนักหรือช่องคลอด และลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดหรือได้รับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การใช้กำปั้น: การยัดกำปั้นเข้าไปในก้นหรือช่องคลอด การยัดกำปั้นเข้าไปในก้นหรือช่องคลอดสามารถทำให้เยื่อบุก้นหรือช่องคลอดขาดเสียหาย และทำให้เชื้อเอชไอวีผ่านเข้าไปได้ ถ้ามีการร่วมเพศโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยติดตามมา คนที่ใช้กำปั้นก็อาจได้รับเชื้อเอชไอวีได้ถ้ามือมีรอยแผลหรือรอยข่วน ดังนั้นควรใช้ถุงมือยางป้องกันทั้งสองฝ่าย ถุงมือศัลยกรรมเหมาะสำหรับกิจกรรมนี้ที่สุด

เซ็กส์ทอย : เอชไอวีสามารถถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ถ้าใช้เซ็กส์ทอย เช่น ดิลโด้ ไวเบรตอร์ และจุกเสียบก้น ร่วมกัน ถ้าไม่ได้ใช้ PrEP หรือ TasP ควรสวมถุงยางอนามัยบนเซ็กส์ทอยและเปลี่ยนทุกครั้ง ก่อนเอาไปใช้กับอีกคนหนึ่ง เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี หรืออีกวิธีหนึ่งคือการล้างเซ็กส์ทอยให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำร้อนหลังจากการใช้แต่ละคน เซ็กส์ทอยที่ใช้ร่วมกันแต่ไม่ได้สวมถุงยางหรือทำความสะอาดระหว่างการใช้แต่ละครั้งอาจถ่ายทอดเชื้อกามโรคอื่นๆ ได้ด้วย

การสวนด้วยน้ำ: เป็นวิธีการทำความสะอาดก้นหรือช่องคลอดก่อนมีเพศสัมพันธ์ โดยการสอดปลายท่อเล็กๆ เพื่อบีบน้ำเข้าไปทำความสะอาดภายใน การสวนด้วยน้ำนี้อาจเพื่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะไปลดเยื่อบุทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากไม่ได้ใช้ถุงยาง PrEP หรือ TasP นอกจากนี้ การสวนด้วยหัวฉีดอาจทำให้เกิดรอยปริเล็กๆ ได้ด้วย

BD/SM:ซึ่งหมายถึงกิจกรรมทางเพศที่มีทั้งอำนาจเหนือ ยอมศิโรราบ ลงโทษ มัด สวมบทบาท เฟติช ความเจ็บ และการแลกเปลี่ยนอำนาจ ตลอดจนปฏิสัมพันธ์ทางเพศและระหว่างบุคคลในทุกรูปแบบ ส่วนแฟนตาซีและการสวมบทบาทนั้น คือการนำเอาจินตนาการหรือตัวละครมาใช้กับเซ็กส์ แต่ไม่ได้หมายความว่าการสวมบทบาททั้งหมดจะต้องมีเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กิจกรรมทางเพศเหล่านี้โดยทั่วไปไม่มีความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ มากไปกว่ากิจกรรมทางเพศอื่นๆ ดังนั้นจึงใช้แนวทางการมีเซ็กซ์ปลอดภัยเหมือนกัน ส่วนคนที่ชอบเล่นเลือด ควรใช้ความระมัดระวังไม่ให้มีการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและ ไวรัสที่ถ่ายทอดทางเลือดอื่นๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบซี

เจาะร่างกาย:หลายคนเกิดอารมณ์เมื่อเห็นเครื่องประดับห่วงหรือตุ้มที่เจาะรูบนตัวและอวัยวะเพศ มีบางอย่างที่ควรพึงระวังเกี่ยวกับเครื่องประดับเหล่านี้

• ห่วงหรือตุ้มที่อวัยวะเพศที่เรียกว่าเจ้าชายอัลเบิร์ต (ห่วงที่ลอดรูด้านล่างของหัวองคชาต) อาจทำให้เกิดรอยแผลหรือถากครูดทวารหนักหรือช่องคลอดได้ในระหว่างการร่วมเพศ

• ควรระวังห่วงหรือตุ้มทำถุงยางขาด

• บางครั้งรอยเจาะใหม่ๆ อาจติดเชื้อได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับที่อวัยวะเพศ ควรหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์จนกว่าจะหายสนิท เพราะแผลติดเชื้อจะเพิ่มโอกาสในการถ่ายทอดหรือได้รับเชื้อเอชไอวี

• การเจาะก็เหมือนกับการสักเพราะต้องเจาะผิวหนังด้วยเข็มจึงสามารถถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ ถ้าไม่มีการฆ่าเชื้อที่เข็มในระหว่างการเจาะแต่ละคน

6. ออรัลเซ็กส์กับการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี

ออรัลเซ็กส์ถือว่ามีความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีน้อยมาก

ในกรณีใช้ปากกับคู่ที่มีเชื้อเอชไอวี ความเสี่ยงนั้นยิ่งลดลงไปอีกถ้าฝ่ายหลังกำลังรักษาอยู่และมีระดับไวรัสต่ำ หรือฝ่ายแรกกิน PrEP อยู่

แต่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถ้ามีการหลั่งในปาก และถ้ามีรอยแผลในปาก หรือมีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อยู่ แต่แม้แต่ในกรณีเช่นนี้ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ

ควรใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะหลังผ่าตัดฟันหรือเพิ่งใช้ไหมขัดฟัน

7. การรุกรับ

ในกรณีผู้ชายสองคนที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย PrEP หรือ TasP แล้วคนใดคนหนึ่งมีเชื้อเอชไอวี เพื่อลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อ คนที่ไม่มีเชื้อควรเป็นฝ่ายรุก เพราะฝ่ายรุกมีโอกาสในการได้รับเชื้อไอเอชไอวีน้อยกว่าฝ่ายรับ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่เอชไอวีก็ยังอาจถ่ายทอดได้ผ่านทางของเหลวในทวารหนัก

8. เลือกสถานะตรงกัน

การเลือกสถานะหมายถึงการเลือกคู่โดยดูจากคนที่มีสถานะเอชไอวีเหมือนกันเท่านั้น ตัวอย่างคือคนที่มีเชื้อเอชไอวีจะเลือกมีเซ็กซ์กับคนที่มีเชื้อเอชไอวีเหมือนกันเท่านั้น หรือคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีจะมีเซ็กส์กับคนไม่มีเชื้อเหมือนกัน วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับหรือถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีไปยังคู่ที่มีสถานะเหมือนกัน (ไม่ว่าจะเป็นเลือดลบหรือบวก)

สิ่งที่สำคัญสำหรับวิธีนี้คือการรู้สถานะเอชไอวีที่แท้จริงของตัวเองและของคู่ การติดเชื้อเอชไอวียังเกิดขึ้นได้ถ้าทั้งสองคนคิดว่าตัวเองไม่มีเชื้อแต่จริงๆ คนหนึ่งนั้นมี อีกอย่างหนึ่งคือ วิธีนี้ไม่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ

9.การชักออกมาหลั่งข้างนอก

แม้ว่าวิธีนี้จะไม่ค่อยได้ผลในการป้องกันเชื้อเอชไอวี แต่ก็อาจทำเพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่ไม่ใช้ถุงยาง เพราะ การชักออกมาหลั่งข้างนอก ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหรือช่องคลอดช่วยลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี แต่เอชไอวียังสามารถถ่ายทอดได้ผ่านของเหลวก่อนหลั่ง หรือ pre-cum (pre-seminal fluid) และของเหลวในทวารหนักและช่องคลอด การใช้วิธีนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะชักออกมาไม่ทัน หรืออาจติดลมจนไม่ชักออกมาเลย

10. ข้อตกลงกับแฟน

คือการที่สองคนที่เป็นแฟนกันตกลงป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวี บางคู่ที่เป็นแฟนกันอาจเลือกไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเซ็กส์กัน ข้อตกลงแบบนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน แต่อาจได้ผลดี และปลอดภัย ถ้าทั้งคู่แน่ใจว่าไม่มีเชื้อเอชไอวี ข้อตกลงที่พบบ่อยที่สุด คือ การอนุญาตให้แฟนไปมีอะไรกับคนอื่นได้ และให้มีเซ็กส์แบบไหนได้บ้าง

11. การใช้สารเสพติดอย่างปลอดภัย (วิธีลดอันตรายจากการเสพ)

การใช้อุปกรณ์ฉีดสารเสพติดร่วมกันทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบ แนวทางด้านล่างนี้จะช่วยแนะนำวิธีการฉีดสารอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อเอชไอวีและไวรัสติดต่อทางเลือดอื่นๆ

เข็มและกระบอกฉีดยา ควรใช้อุปกรณ์ฉีดชุดใหม่ทุกครั้งสำหรับการฉีดแต่ละครั้ง ซึ่งสามารถรับได้จากจุดแลกเปลี่ยนเข็ม

ตัวกรอง: ควรใช้แล้วทิ้งไม่ควรนำมาใช้ใหม่

ช้อน: ควรฆ่าเชื้อโดยเช็ดด้วยสำลีสะอาด สำลีสามารถหาได้จากจุดแลกเปลี่ยนเข็มหรือร้านขายยา

น้ำผสม: ควรใช้น้ำบริสุทธิ์ที่ได้จากร้านขายยาหรือจุดแลกเปลี่ยนเข็ม นอกจากนี้อาจใช้น้ำต้มใหม่ น้ำดื่มเกลือแร่ที่ไม่อัดลม หรือน้ำเกลือบริสุทธิ์สำหรับล้างคอนแทคเลนส์ ถ้าใช้น้ำผสมหลายครั้ง ในการดูดน้ำจากแก้วหรือภาชนะต้องใช้เข็มที่ปราศจากเชื้อเท่านั้น อย่าดูดน้ำด้วยกระบอกฉีดยาใช้แล้วเด็ดขาด

ยางรัดแขน : ยางรัดแขนที่คนอื่นใช้แล้วอาจมีหยดเลือดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นจึงควรใช้สายยางใหม่ทุกครั้ง ยางรัดสามารถหาได้จากจุดแลกเปลี่ยนเข็มและร้านขายยา

ควรระลึกว่าการเสพยาอาจทำให้คุณทำอะไรที่มีความเสี่ยงในระหว่างมีเซ็กซ์ที่คุณปกติจะไม่ทำ