คนจำนวนมากในอังกฤษและทั่วโลกต่างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งก็น่าเป็นห่วงอยู่ เพราะสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษนั้นถูกระบุว่าติดต่อง่ายมากขึ้น 50% แต่อาการดูจะไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่
แต่ยังมีอีกเชื้อหนึ่งที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในสหราชอาณาจักร และเพิ่มถึง 26% ในระยะเวลาหนึ่งปีตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1918 จากข้อมูลของ Public Health England เจ้าหน้าที่กล่าวว่าการพุ่งสูงขึ้นนี้มาจากกลุ่มชายที่เป็นเกย์และไบเป็นส่วนใหญ่ แต่เคสในกลุ่มชายหญิงรักต่างเพศก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ในสหรัฐอเมริกาก็พบการเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีการพูดถึงซูเปอร์หนองในจากการใช้ปฏิยาปฏิชีวนะในการรักษาโควิดมากเกินไป
หนองในคืออะไร และรักษาได้อย่างไร? นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้
หนองในคืออะไร?
หนองในคือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถติดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยติดได้ที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก และลำคอ หนองในเป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุระหว่าง 15- 24 ปี
หนองในถ่ายทอดเชื้อได้อย่างไร?
ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ คุณสามารถติดเชื้อหนองในได้จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทวารหนักกับผู้ที่มีเชื้อหนองใน
จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหนองในได้อย่างไร?
วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างเด็ดขาดก็คืออย่าไปมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทวารหนัก (รวมถึงเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดสำหรับคนที่รักต่างเพศหรือเป็นไบ) ถ้าคุณยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย และใช้ให้ถูกวิธี แน่นอนว่าอีกวิธีหนึ่งในการรักษาตัวให้ปลอดภัยก็คือการมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับแฟนคนเดียวที่ผ่านการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วว่าไม่มีเชื้อ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นหนองใน?
บางคนที่มีเชื้อหนองในอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ แต่ถ้ามีอาการมักจะออกมาในลักษณะต่อไปนี้:
- ปัสสาวะแสบ
- มีของเหลวสีขาว เหลือง หรือเขียวออกมาจากอวัยวะเพศ
- อัณฑะบวมหรือปวด (พบน้อย)
การติดเชื้อที่ทวารหนักอาจไม่มีอาการอะไรเลย หรืออาจมีอาการได้ในทั้งในผู้ชายและผู้หญิงดังต่อไปนี้
- มีของเหลวออกมา
- คันรูก้น
- แสบ
- มีเลือดออก
- เจ็บเวลาถ่าย
ถ้ามีถ้าคุณมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ควรไปให้หมอตรวจทันที รวมถึงคู่ของคนด้วย ถ้าคุณสังเกตว่ามีรอยแผลผิดปกติ มีของเหลวกลิ่นเหม็น หรือปัสสาวะแสบ
หนองในรักษาอย่างไร?
คุณต้องไปหาหมอเพื่อรับยารักษาที่เหมาะสม แม้ว่ายาปฏิชีวนะเคยใช้ได้ผลในการรักษาหนองในมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่โชคร้ายที่เชื้อหนองในดื้อยาเกือบทุกตัวที่เคยถูกนำมาใช้รักษา นอกจากนี้ ควรระลึกไว้ว่า ยาสามารถช่วยหยุดโรคได้ แต่ไม่สามารถรักษาความเสียหายถาวรที่เกิดขึ้นแล้วได้
โดยทั่วไปแล้ว ในกรณีการติดเชื้อที่อวัยวะเพศและทวารหนัก ไม่จำเป็นต้องทดสอบซ้ำว่ารักษาได้ผลหรือไม่ อย่างไรก็ดี ถ้าคุณยังมีอาการอยู่หลังได้รับการรักษาแล้ว คุณควรกลับไปหาหมอเพื่อตรวจซ้ำ
เนื่องจากการติดเชื้อซ้ำเกิดขึ้นได้บ่อย จึงควรตรวจซ้ำทุกสามเดือนหลังรักษาครั้งแรกไปแล้ว เพื่อความชัวร์
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซิฟิลิสมากขึ้นในกลุ่มเกย์