Muscular sexy bodybuilder on dark background

โยคะเปลือย หนทางสู่การตื่นรู้หรือกระจู๋ตื่นตัว

Written by:

Yen Feng

Yen Feng

Yen is a freelance editor and yoga instructor at @yen.yoga on Instagram/TikTok and @yenyogasg on Telegram.

Share:

Share on facebook
Share on twitter
Share on whatsapp
Share on linkedin
Share on telegram

ADVERTISMENT

ในฐานะครูสอนโยคะ ผมมักถูกถามว่าสอนโยคะเปลือยด้วยหรือเปล่า แน่นอนว่าคำถามนี้ส่วนใหญ่มักมาจากคนที่จะมาจีบใน Grindr แต่ก็ทำให้ผมสงสัยเหมือนกันว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า

เท่าที่ผมได้คุยมา ทั้งผู้ชายที่เป็นเกย์และใบที่เคยเข้าเรียนโยคะเปลือยยกเหตุผลที่คาดเดาได้ไม่ยาก เช่น เบาสบายตัว เป็นอิสระ สอนให้รู้จักยอมรับร่างกายตัวเองอย่างที่เป็น

และสุดท้ายทุกคนยังสารภาพด้วยว่าสาเหตุอีกอย่างคือจู๋

ผมไม่เคยรู้สึกอยากเล่นโยคะเปลือย ถึงบางครั้งจะถอดเสื้อบ้างตอนสอนท่ายากๆ และเหงื่อออกมากเช่น อัษฎางค์โยคะ นอกจากนี้ ฮ็อตโยคะ ที่เสื้อเปียกโชกจนอยากฉีกเป็นผ้าเช็ดเหงื่อ

แต่ถ้าให้เปลือยทั้งตัวนี่ สำหรับผมแล้วเป็นหนังคนละเรื่องคนละม้วนเลยครับ

หลักการสำคัญอย่างหนึ่งของโยคะคือการสงบจิตใจ ผมไม่รู้ว่าจะสงบจิตใจได้หรือเปล่า ถ้ามีจู๋ห้อยอยู่รอบตัวในระหว่างทำสุรยนมัสการ เพราะมันน่าจะ… อืม… หินนะครับ

หรือว่าเส้นทางสู่การตื่นรู้ต้องฝ่าฟันกับการมีกระจู๋ตื่นโดยไม่เจตนา?

กลับสู่สามัญ

ความจริงก็คือ โยคะเปลือยนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงประมาณค.ศ. 800 ซึ่งในคัมภีร์ฮินดูศักดิ์สิทธิ์ภควัตปุราณะ กล่าวว่า

ผู้ที่ละทิ้งแล้วซึ่งพันธนาการของชีวิต ก็อาจเลี่ยงแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ปิดบังร่างกาย หากสวมใส่อะไรก็ควรเป็นแค่เพียงผ้าเตี่ยว และถ้าไม่มีความจำเป็น สันยาสีไม่ควรแม้แต่จะมีไม้เท้า สันยาสีควรหลีกเลี่ยงการพกพาสิ่งใดเลย นอกจากไม้เท้ากับหม้อน้ำเท่านั้น

พูดอีกอย่างคือการเปลือยร่างกายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการละทิ้งทรัพย์สินทางโลกทั้งหมด สำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาการตื่นรู้ การตัดขาดเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่างทางโลก คือ ก้าวหนึ่งที่จะนำไปสู่การหลุดพ้นทางจิตวิญญาณหรือโมกษะ

การปลีกสันโดษแบบนี้ยังมีวิวัฒนาการต่อเนื่องสู่ยุคปัจจุบัน ในประเทศเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ นับเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ Lebensreform ในช่วงปลายสวัสศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเน้นการเปลือยเปล่าของร่างกายและการปลดปล่อยทางเพศ ซึ่งส่งเสริมวิถีกลับสู่ธรรมชาติ

ในสหรัฐอเมริกา โยคะเปลือยกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นพร้อมกับนิคมชาวเปลือยในช่วงทศวรรษที่ 50 และ 60 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฒนธรรมฮิปปี้ ที่มีอหิงสาเป็นวิถีชีวิต และ “ร่วมรักไม่ร่วมรบ” เป็นคำขวัญติดปากของเหล่าฮิปปี้หนวดและฮิปปี้สาวผู้ไม่อาบน้ำทุกคน

โยคะเปลือยมีรากเหง้ามาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ที่การเปลือยร่างกายเป็นสัญลักษณ์ของการละทิ้งทรัพย์สินทางโลกทั้งหมด

แล้วในเอเชียล่ะ

ผมลองกูเกิ้ลคำว่า โยคะเปลือย เอเชีย แต่กลับได้ผลเป็นรูปโป๊ไม่รู้กี่หน้าต่อกี่หน้า กับอีกไม่กี่ลิงค์ที่พาไปเว็บไซต์สถานที่ปลีกวิเวกในบาหลีและเมืองไทย พอลองค้นหาแต่ละเมือง ก็พบว่าในโตเกียวเซี่ยงไฮ้และสิงคโปร์มีกลุ่มชายล้วนที่มาฝึกโยคะเปลือยร่วมกัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

แค่นั้นเอง คลาสส่วนใหญ่มักจะรู้กันแบบปากต่อปากไม่โฉ่งฉ่าง

จากที่ผมพบออนไลน์ ดูเหมือนจะยังไม่มีฉันทามติทั่วโลกว่าคลาสโยคะเปลือยควรเป็นยังไง เว็บไซต์ Naked Yoga Singapore บอกว่าจะไม่มีการจับเนื้อตัวกัน แต่อาจมีร่างกายสัมผัสกันบ้างในระหว่างการจับคู่โยคะ

แต่สำหรับคลาสของครูสอนโยคะอย่าง Brandon Anthony ในสหรัฐอเมริกา ถ้าดูจากภาพบนเว็บไซต์ ดูเหมือนจะมีการจับเนื้อตัวและกอดกัน ส่วน Bare Yogaใน ลอนดอน ครูสอนโยคะ Stefan และ Andy กล่าวว่า “การตื่นตัวนั้นเป็นเรื่องปกติเมื่อพลังงานสูงขึ้น” แต่ “คลาสนี้ไม่ใช่เรื่องเพศ และจะไม่ยอมให้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม”

ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รวมถึง การจ้อง จับ และการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม

เปลือยเสมือนจริง

ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับระดับความสบายใจของคุณเอง สำหรับผมแล้วผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกสบายใจพอที่จะเล่นโยคะในห้องที่เต็มไปด้วยจู๋หรือไม่

แต่บางทีผมอาจจะเริ่มเล่นเองที่บ้าน เนื่องจากมีคนเรียนออนไลน์มากขึ้นเพราะโควิดและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม จึงมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นสำหรับการเล่น โยคะเปลือยผู้ชายล้วน เช่น ที่นี่ และ ที่นี่.

ผมได้พูดกับ Ken Brenimanซึ่งเป็นนักจิตบำบัดและครูสอนโยคะที่ซานฟรานซิสโกมากว่า 20 ปี แต่เพราะโควิด เคนจิงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากคลาสในสตูดิโอมาเป็นคลาสออนไลน์ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เขากล่าวว่าคลาสออนไลน์มีนักเรียนจากทั่วโลก และมักจะเป็นที่นิยมของพวก introvert นักเรียนบางคนอาจจะเปิดกล้อง หรือบางคนก็ปิดกล้อง

“แต่โยคีเปลือยส่วนใหญ่มักจะเล่นโยคะคนเดียวมากกว่า แม้ว่าขนาดของคลาสจะลดลงตั้งแต่เริ่มโควิด เราก็หวังว่าจะกลับไปสู่คลาสในสตูดิโอได้ในปีหน้า”

สำหรับผมสรุปก็คือ เนื้อแท้ของการเล่นโยคะนั้นไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการใส่หรือไม่ใส่เสื้อผ้า ผมเห็นด้วยกับผู้ชายส่วนใหญ่ที่ผมได้พูดด้วยว่าโยคะเปลือยอาจทำให้เราได้เห็นสัจธรรมบางอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับร่างกายของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับความเปราะบางเมื่ออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และการเผชิญหน้ากับความเปราะบางนั้น ที่ผมคิดว่าเปิดโอกาสให้ร่างกายได้… อือ… เติบโต

เหมาะกับทุกคนหรือเปล่า ก็อาจจะไม่ แล้วเหมาะกับผมมั้ย ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ลองถามผมอีกทีบน Grindr นะครับ

Same Author

Get The Latest Updates

Subscribe To Our Newsletter

No spam, notifications only about new articles.